Jun-2018
รีวิวชั้นธุรกิจสายการบินไทย
รีวิวชั้นธุรกิจสายการบินไทย
สวัสดีค่ะ วันนี้กุ้งขอพามาชมชั้นธุรกิจ (Royal Silk Business Class) ของการบินไทย เส้นทางกรุงเทพฯ – อินชอน (Bangkok – Incheon) กันค่ะ ซึ่งไฟลท์ที่กุ้งบิน มีรายละเอียดดังนี้นะคะ
- Airline : การบินไทย (Thai Airways International)
- Flight : TG656
- Itinerary : Bangkok – Incheon
- Time : 23.30-06.55 (+1)
- Aircraft : Boeing 777-300
- Class : Royal Silk Business
- Seat : 11A
- Seat Space : Pitch 61, Width 20
- Date : 29 มีนาคม 2561
ซึ่งสำหรับท่านที่สนใจจองตั๋วเครื่องบินการบินไทย สามารถจองกับ Traveloka ก็ได้นะคะ ขอบอกว่าจองง่ายมากๆ เลย สะดวกสบายเป็นที่สุด
เมื่อไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เช็คอินของ ชั้นหนึ่งและชั้นธุกิจ ของระหว่างประเทศ จะอยู่ที่แถว A ค่ะ โดยจะแยกออกมาจากชั้นประหยัดระหว่างประเทศ ที่อยู่แถว H/ J เราก็ลากกระเป๋าเข้าไปเลย
สำหรับน้ำหนักกระเป๋า เนื่องจากปลายทางกุ้งคือสหรัฐอเมริกา (แต่ไป transit ที่อินชอน) จึงได้น้ำหนักสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง 32 กิโลกรัม x 2 ใบค่ะ และสัมภาระขึ้นเครื่องอีกคนละ 2 ชิ้น
บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน จะมีเก้าอี้ให้นั่งสวยๆ ค่ะ โดยไฟลท์ไปญี่ปุ่นและเกาหลี ก็จะมีเคาน์เตอร์แยกเฉพาะออกมา (และถึงแม้เราจะไปประเทศอื่น แต่ต้องไป transit ที่ 2 ประเทศนี้ก็ต้องเข้าช่องนี้นะคะ)
ทางสายการบินก็จะออก boarding pass ให้เรา 2 ใบ พร้อม tag ห้อยกระเป๋าที่ระบุถึงจุดหมายปลายทางและจุดที่เราต้องไปต่อเครื่อง ซึ่งของกุ้งคือ Los Angeles International Airport (LAX) และ Incheon International Airport (ICN) ((อย่าลืมรีเช็คความถูกต้องของปลายทางด้วยนะคะ)) พร้อมติดป้าย priority เพื่อที่กระเป๋าเราจะได้ถูกส่งมาถึงสายพานเป็นลำดับต้นๆ ค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ผ่านขั้นตอนเอ๊กซเรย์และตรวจคนเข้าเมือง โดยสำหรับชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ จะมีช่องเอ๊กซเรย์และตรวจคนเข้าเมืองเฉพาะ (ซึ่งก็อยู่ปลายเคาน์เตอร์เช็คอินนี่ล่ะค่ะ) ทำให้ลดขั้นตอนในการรอไป และพอผ่านขั้นตอนนี้เสร็จ เราก็จะไปเจอกับเลาจน์การบินไทยรออยู่ค่ะ ก็ลงบันไดเลื่อนไปตามป้ายได้เลย ((สำหรับเลาจน์การบินไทยนั้นมีหลายจุดนะคะ แต่ถ้าเอาสะดวกสุด แบบเจอเลยก็คืออันนี้ล่ะค่ะ เพียงแต่คนอาจจะแออัดมากหน่อย))
ภายในเลาจน์มีที่นั่งเยอะเลยค่ะ แต่กระนั้นคนก็เยอะมากเช่นกัน กุ้งเดินวนในเลาจน์ไป-กลับถึง 2 รอบเลยค่ะกว่าจะหาที่นั่งได้ และโชคดีด้วยที่มาคนเดียว ทำให้หาที่นั่งได้ง่ายกว่า (กุ้งไม่ได้ถ่ายรูปแอเรียที่นั่งภายในเลาจน์นะคะ เนื่องจากคนเต็มมาก เกรงใจถ้าจะถ่ายติดคนที่กำลังทานหรือพักผ่อน)
สำหรับจุดตั้งอาหารมีอยู่ 2 จุด ค่ะที่อาหารหลักๆ คล้ายคลึงกัน คือมีทั้งของคาว, ของหวาน, และเครื่องดื่มหลายอย่าง
ตักมาชิมบางส่วน
ด้านในเลาจน์มีห้องน้ำสะดวกสบาย และมีป้ายบอกรายละเอียดแต่ละไฟลท์เดินทางไว้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีโซนเล็กๆ สำหรับเด็กๆ ให้ได้มานั่งทำกิจกรรมระหว่างรอด้วยนะคะ
กุ้งนั่งรอจนใกล้เวลา boarding ก็เดินไปที่เกทค่ะ ซึ่งสำหรับชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ จะได้รับสิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อน (แต่ไฟลท์นี้ไม่มีชั้นหนึ่งนะคะ)
ที่นั่งชั้นธุรกิจบนเครื่องมี 34 ที่นั่ง เป็นที่นั่งรุ่นเก่า นั่นคือที่นั่งแบบ 2nd Gen Angle Flat ค่ะ ที่เป็นที่นั่งที่ปรับเอนนอนได้เกือบราบ โดยยังมีองศาเที่ยงกับพื้นอยู่ (ไม่เอนขนานกับพื้น) และแบ่งล็อคเป็น 2-3-2 ค่ะ (ยกเว้นแถวแรก จะเป็น 2-2-2) ตอนแรกกุ้งเลือกที่นั่งออนไลน์ไว้ที่ 15F เพราะกุ้งเข้าห้องน้ำบ่อยเลยเลือกที่นั่งติดริมทางเดินเพื่อที่จะไม่ต้องรบกวนใคร และเลือกที่นั่งที่เป็นส่วน 3 ที่นั่ง เพื่อสำรองเบาะคู่ฝั่งริมหน้าต่างไว้ให้เผื่อคู่ที่เดินทาง 2 คน
ขึ้นเครื่องมาที่นั่ง มีดอกกล้วยไม้ สัญลักษณ์การบินไทย วางไว้ให้ตรงที่พักแขนค่ะ
แต่ตอนขึ้นเครื่องแล้ว แอร์โฮสเตทแจ้งกุ้งว่า ที่นั่งแถวแรกว่างทั้ง 2 ที่ กุ้งต้องการย้ายมั้ย สรุปกุ้งเลยย้ายค่ะ เพราะเห็นว่าเครื่องไม่เต็ม เราไม่ไปกันที่ใคร และจะได้นั่งไม่ติดกับใครด้วย สบายๆ และที่นั่งใหม่ของกุ้งก็คือเบอร์ 11A ค่ะ ด้านหน้าสุดเลย
บรรยากาศโซนที่นั่ง
บนเครื่องแจก amenity kit ซึ่งประกอบด้วย รองเท้าใส่บนเครื่อง, แปรงสีฟันและยาสีฟัน, น้ำยาบ้วนปาก, แฮนด์โลชั่นและลิปมันของ erb, ที่อุดหู, หวี, และที่ปิดตาค่ะ โดยทั้งหมดใส่อยู่ในกระเป๋า Greyhound อีกที
นอกจากนี้ก็มีหมอน, ผ้าห่ม, และหูฟังค่ะ โดยทั้ง 3 อย่างพรีเมี่ยมกว่าของชั้นประหยัดค่ะ
หลังจากกุ้งย้ายที่นั่งเรียบร้อยแล้ว แอร์โฮสเตทก็มาถาม ว่าเราต้องการดื่มเครื่องดื่มอะไร เนื่องจากกุ้งไม่ทานแอลกอฮอล์เลยสั่งเป็นน้ำอัดลมค่ะ และแอร์ก็ให้เราเลือกอาหารมื้อเช้าไว้เลย โดยมีทั้งหมดสามเซตให้เลือก นั่นคือ
- สำรับไทย : ข้าวต้มปลากะพง, ไข่เจียวหอมใหญ่ ต้นหอมและพริก, ยำผักกาดดอง
- อาหารตะวันตก : ไข่กวน เบคอน, มันฝรั่งผัดเห็ดแชมปิญอง, ซุกินี่ มะเขือเทศเชอรี่, ขนมปังต่างชนิด เนย แยม
- อาหารเกาหลี : ข้าวยำเกาหลีหมูพร้อมเครื่องเคียง, ซุปเต้าหู้
(โดยทุกเซทจะเสิร์ฟพร้อมมูสลี่ผลไม้รวมเหมือนกัน) ซึ่งกุ้งเลือกสั่งแบบสำรับไทยไปค่ะ
พอเครื่องเริ่มเทคอ๊อฟ กุ้งก็เผลอหลับไปเลยไม่รู้ตัว หลับไป 1 งีบเล็กๆ ตื่นมาพบว่าข้างแก้วน้ำอัดลมกุ้ง มีถั่วหลายประเภทใส่ถ้วยไว้ให้ พร้อมกับน้ำแร่อีก1 ขวดค่ะ
อ้อ! ที่ที่นั่ง เค้ามีปลั๊กไฟแบบยูนิเวอร์แซลให้ด้วยนะคะ โดยแอบอยู่ในช่องวางมือ (ต้องเปิดออกมาถึงจะเห็น) แต่ทั้งขาไปและขากลับ กุ้งพบว่ากุ้งเสียบชาร์จอะไรไม่ได้เลย เพราะปลั๊กมันหลวมมากจนหลุด (ขนาดย้ายไปเสียบของที่นั่งข้างๆ ที่ว่าง (ซึ่งหลวมน้อยกว่า ก็ยังเสียบไม่อยู่) ถึงแม้กุ้งจะพยายามหาอะไรมาหนุนสายชาร์จช่วยแล้ว และท้ายสุดก็ยังหลุดอยู่ดีค่ะเพราะมันไม่พอดี สรุปก็คือตลอดเวลาอยู่บนเครื่อง กุ้งต้องชาร์จแบตผ่าน power bank ซะงั้น)
นอกจากนี้ระหว่างที่นั่ง จะมีบานเฟี้ยมที่สามารถดึงเข้า-ออกได้ ซึ่งหากเราต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่นเวลานอน ก็แค่ดึงอันนี้ออกมา ก็จะกั้นช่วงศีรษะได้ ไม่ให้เราเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง หรืออีกฝ่ายหนึ่งเห็นเราได้ค่ะ
งีบไป 1 อึดใจก็ได้เวลาเสิร์ฟอาหารเช้า แอร์โฮสเตทจะเอาผ้าขาวมาปูโต๊ะให้เรา ก่อนยกอาหารมาเสิร์ฟทั้งถาดในจานกระเบื้องสวยงาม ข้าวต้มปลากะพงของกุ้งเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ และปลาก็ชิ้นใหญ่ ทานพร้อมไข่เจียวหอมใหญ่ อร่อยถูกใจค่ะ ส่วนสำหรับยำผักกาดดองใส่กุ้งว่ามันเปรี้ยวไปนิดหนึ่ง (แต่คนอื่นอาจจะว่ารสชาติพอดีก็ได้นะ)
ในห้องน้ำบนเครื่องมี Body Milk ของ L’OCCITANE
และเครื่องก็มาถึงสนามบินอินชอนโดยสวัสดิภาพค่ะ
กุ้งบ๊ายบายไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ (บ๊ายบายด้วยน้องแอร์โฮสเตทคนสวยในชุดไทยสวยงาม – อันนี้ถ่ายตอนไฟลท์ขากลับเป็นช่วงสงกรานต์พอดีค่ะ)
หมายเหตุ : สำหรับท่านที่สนใจเดินทางด้วยการบินไทย กุ้งขอแนะนำแอพ Traveloka ค่ะ เพราะค้นหาง่ายและสะดวกมั่กๆ เลย หรือคลิ้กจรงไปที่ลิงค์นี้เลยก็ได้จ้า https://www.traveloka.com/th-th/thai-airways